วัดบ้านไร่ เรื่องที่คุณไม่เคยรู้! คู่มือเที่ยววัดบ้านไร่หลวงพ่อคูณ smashingsportclub แม้ว่านักบุญแห่งที่ราบสูงหรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จะลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เชื่อว่าคำสอนและคุณความดีของท่านยังคงอยู่ในใจชาวไทยไปตราบนานเท่านาน และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตของท่านก็คือ วัดบ้านไร่ ที่ตอนนี้หลายคนคงอยากไปเที่ยวชมให้ได้สักครั้ง
จะพาไปย้อนรำลึกถึงคุณงามความดีของท่านผ่านการเที่ยวชมวัดบ้านไร่ สถานที่ที่หลวงพ่อคูณเคยจำวัดในฐานะเจ้าอาวาส นอกจากจะสวยงามอลังการแล้ว ยังสามารถท่องเที่ยวและเรียนรู้หลักคำสอนของท่านได้อีกมากมายหลายมิติ ถ้าพร้อมแล้วตามมาชม 7 ข้อน่ารู้เกี่ยวกับ วัดบ้านไร่แห่งนี้กันเลย
1. วัดเก่าแก่ ตั้งแต่สมัย ร.5 ขอเริ่มต้นจากประวัติความเป็นมาของวัดบ้านไร่กันก่อน วัดบ้านไร่เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2436 ในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยมีพระอาจารย์เชื่อม วิรโช เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกได้มีการก่อสร้างศาสนอาคารต่างๆ ขึ้น ต่อมาในช่วงที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็นเจ้าอาวาส ได้มีการพัฒนาวัดมากที่สุด ด้วยมีผู้ศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมถวายวัตถุปัจจัยเป็นเงินมหาศาล หลวงพ่อคูณได้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น การบูรณะวัด การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น
2. สถานที่ตั้งปัจจุบัน ปัจจุบันวัดบ้านไร่ (วัดหลวงพ่อคูณ) ตั้งอยู่ในตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มีชื่อเสียงโด่งดังเนื่องจากหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เป็นพระเกจิชื่อดังที่มีผู้คนเคารพศรัทธามากมายทั่วประเทศ หลวงพ่อคูณเป็นพระชาวบ้านที่เข้าถึงมวลชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นักการเมืองไปจนถึงชาวบ้าน ด้วยท่านมีเมตตามหานิยม มีวิธีการสั่งสอนที่ตรงไปตรงมาง่ายแก่การเข้าใจ จากความศรัทธาเลื่อมใสในตัวหลวงพ่อคูณที่มากมายมหาศาลเช่นนี้เอง จึงทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วย
3. สถานที่สำคัญในวัด ภายในวัดมีสิ่งปลูกสร้างสำคัญๆ อยู่หลายอาคาร ได้แก่ พระอุโบสถ วัดบ้านไร่ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ หอแก้ว หอระฆัง อาคารประชาสัมพันธ์ ศูนย์โอทอป (OTOP) และหอเทพวิทยาคม เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา (อาคารปริสุทธปัญญา)
4. หอเทพวิทยาคม WBET69 อุทยานธรรมกลางบึง สถานที่ที่โดดเด่นที่สุดในวัดแห่งนี้คงหนีไม่พ้น หอเทพวิทยาคม เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา (อาคารปริสุทธปัญญา) ที่นี่เป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ของวัดบ้านไร่ เพิ่งสร้างเสร็จในปี 2554 ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของวัดบ้านไร่ ลักษณะเป็นอาคารประติมากรรมช้าง ตั้งอยู่บนพื้นที่บึงน้ำขนาด 30 ไร่ เป็นอาคารสูง 5 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน (ชั้นบาดาล) และชั้นดาดฟ้า อาคารตั้งอยู่บนลานทรงกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 65 เมตร เรียกว่าหอเทพวิทยาคมเป็นพุทธสถานในนิกายเถรวาทที่มีชนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
5. แนวคิดการออกแบบหอเทพวิทยาคม ภายในหอเทพวิทยาคมถูกออกแบบให้เป็น มหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก วัดบ้านไร่ เป็นดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด เพื่อจรรโลงพระศาสนาให้เป็นไปตามบัญญัติของพระพุทธองค์ ที่นี่จึงเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ หอเทพวิทยาคมยังประกอบขึ้นด้วยโมเสกมากกว่า 20 ล้านชิ้น และใช้แรงงานชาวบ้านเป็นผู้ติดอย่างละเอียดด้วยจิตศรัทธาและสมาธิ เพราะ 1 วัน 1 คน สามารถติดเซรามิกโมเสกชิ้นเล็กที่สุดเท่าเม็ดถั่วเขียวได้เพียงไม่เกิน 1 ตารางเมตร
6. สิ่งที่น่าสนใจในหอเทพฯ อย่างที่บอกว่าหอเทพวิทยาคมเป็นอาคารสูง 5 ชั้น ตั้งอยู่กลางบึงน้ำ มีความกว้าง 60 เมตร ยาว 60 เมตร เป็นปริมณฑล อาคารสิ่งก่อสร้างองค์กลางมีขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 30 เมตร ความสูง 42 เมตร แต่ละชั้นประกอบไปด้วย - ชั้นใต้ดิน : เป็นส่วนจัดแสดงเหมือนโลกใต้บาดาลอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้เข้าชมสามารถรับของที่ระลึกจากเงินทำบุญที่ได้บริจาคไป ซุ้มของที่ระลึกแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนบริเวณโถงกลาง เรียกว่า ซุ้มของที่ระลึก เป็นการบูชาลูกปัดสีต่างๆ โดยเลือกเสี่ยงทายตามสถานะหรืออาชีพการงานของบุคคลนั้นๆ และถัดมาคือโซนเพชร 7 สี มณี 7 แสง ประกอบไปด้วย เจ็ดสิ่งนำโชคในโลกใต้บาดาล อันมีความหมายมงคลตามความเชื่อ
7. พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในวัดบ้านไร่ที่ไม่ควรพลาดชมคือ พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญ(หลังเดิม) จัดสร้างขึ้นเพื่อนำเสนอเรื่องราวชีวประวัติของหลวงพ่อคูณ ตั้งแต่เยาว์วัย การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ วัตรปฏิบัติในสมณเพศที่ถือสันโดษและเป็นพระนักพัฒนา แรงศรัทธามหาชนที่มีต่อหลวงพ่อคูณ รวมทั้งการบริจาคทานจำนวนมหาศาล เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศและบางส่วนในต่างประเทศ